head-wadbangkra-min2
วันที่ 18 เมษายน 2024 7:23 AM
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนวัดบางกระ
โรงเรียนวัดบางกระ
หน้าหลัก » นานาสาระ » เรื่องเล่าชาวกาแฟ

เรื่องเล่าชาวกาแฟ

อัพเดทวันที่ 10 พฤศจิกายน 2020

เรื่องเล่าชาวกาแฟ

เรื่องเล่าชาวกาแฟ

       เรื่องเล่าชาวกาแฟ ในทุกเช้าของวันทำงานที่เร่งรีบ เชื่อแน่ว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยของใครหลายคนคงหนีไม่พ้นกาแฟเข้มๆ หอมกรุ่นสักแก้ว เพื่อช่วยปลุกเร้า ระบบประสาท ให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า และช่วยเรียกความพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสดชื่นสดใส ไม่ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาจะเจอศึกหนักแสนสาหัสมาจากที่ไหนก็ตาม

      สำหรับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ หรือดื่มบ้างตามโอกาสแต่ไม่ได้ชื่นชอบอะไรมากมาย กาแฟก็คือกาแฟ ที่มีสีเข้มเกือบดำ มีรสขม มีกลิ่นหอมไหม้ๆ บางคนอาจชอบ บางคนอาจไม่ชอบ บางคนว่าอร่อย บางคนว่าไม่อร่อย 

      แต่สำหรับนักดื่ม(กาแฟ) หรือบรรดาคอกาแฟทั้งหลายแล้วล่ะก็ มันมีอะไรมากกว่านั้น ที่ยิ่งศึกษา ยิ่งเรียนรู้ จะยิ่งหลงไหลในเสน่ห์ของ “กาแฟ” ยิ่งขึ้น

      กาแฟที่พบในโลกมีมากมายหลายพันธุ์ แต่ที่เป็นที่นิยมปลูกกันมากที่สุดได้แก่ สายพันธุ์อราบิก้า (Arabica) และโรบัสต้า (Robusta) นอกจากนี้ยังมีอีก 2 สายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงแต่ไม่นิยมปลูกเพื่อการค้า เพราะรสชาติไม่เป็นที่นิยมของนักดื่มมากนัก อีกทั้งกลิ่นกาแฟก็ไม่หอมเท่าที่ควร ได้แก่ สายพันธุ์เอ็กซ์เซลซ่า (Excelsa) และลิเบอริก้า (Liberica) ซึ่งสายพันธุ์ที่นิยมมากที่สุดในโลกคือ กาแฟอราบิก้า โดยมีสัดส่วนยอดขายถึง 80% รองลงมาคือ โรบัสต้า ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายห่างกันค่อนข้างมาก คือมีเพียง 20% เท่านั้น

ความแตกต่างของกาแฟ 2 สายพันธุ์ยอดนิยม

  1. รูปลักษณ์ของเมล็ดกาแฟ
    อราบิก้า เมล็ดจะค่อนข้างเรียวและมีรอยผ่าตรงกลางคล้ายรูปตัว S ในภาษาอังกฤษ ส่วนโรบัสต้าเมล็ดจะอวบอ้วนและมีรอยผ่าตรงกลางเป็นเส้นตรง
  • พื้นที่เพาะปลูก 

อราบิก้า ชอบอากาศเย็นๆ จึงนิยมปลูกในที่สูง (เหนือระดับน้ำทะเล 800 เมตรขึ้นไป) ในประเทศไทยจะพบอราบิก้าปลูกมากแถบจังหวัดภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ส่วนโรบัสต้านั้นนิยมปลูกในที่ต่ำกว่า (เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 500 เมตร) และชอบอากาศชุ่มชื้น จึงนิยมปลูกมากทางจังหวัดภาคใต้ เช่น ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง

  • ปริมาณคาเฟอีน

อราบิก้า มีปริมาณคาเฟอีนที่ต่ำกว่า แต่มีปริมาณน้ำตาลและกรดสูงกว่าโรบัสต้า ทำให้อราบิก้ามีรสชาติที่หวานกว่าและมีความเปรี้ยวที่มากกว่าเล็กน้อยด้วย

  • กลิ่นและรสชาติ

อราบิก้า มีกลิ่นหอมนุ่มนวลและมีรสชาติที่กลมกล่อม ส่วนโรบัสต้ากลิ่นจะออกฉุน และมีรสชาติที่เข้มข้นและขมกว่า จึงนิยมนำโรบัสต้ามาทำเป็นกาแฟสำเร็จรูปมากกว่า แต่หากเป็นกาแฟสดตามร้านกาแฟทั่วไป มักจะเป็นการผสมระหว่างอราบิก้าและโรบัสต้า ซึ่งสัดส่วนการผสมก็แตกต่างกันไปตามสูตรของแต่ละร้านเพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติตามที่ต้องการนั่นเอง 

สำหรับชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ใช่นักดื่มกาแฟ อาจจะรู้จักเพียงกาแฟร้อนและกาแฟเย็น แต่หากเป็นคอกาแฟแล้ว กาแฟนั้นมีอยู่มากมายหลายเมนู แต่จะเมนูก็มีหน้าตา ส่วนผสม กลิ่น รส ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป คนที่ไม่ค่อยได้ดื่มกาแฟสด เดินเข้าร้านไปอาจจะงงๆ กับเมนูกาแฟในร้าน เลือกไม่ถูกว่าจะดื่มอะไรดี จึงอยากจะหยิบยกเมนูกาแฟยอดฮิตในร้านกาแฟสดมาพูดถึงสักหน่อย 

เมนูของกาแฟสด

เอสเพรสโซ่ (Espresso) เป็นกาแฟ 1 ช็อตเพียวๆ ที่สกัดโดยการปล่อยน้ำให้ไหลผ่านผงกาแฟคั่วบด รสชาติของกาแฟที่ได้จะมีความเข้มข้น และมีความหอมมากเป็นพิเศษ คอกาแฟตัวจริงจะชอบดื่มเอสเพรสโซ่โดยไม่เติมน้ำตาลหรือนมเพิ่มลงไป เพื่อให้ได้รสชาติของกาแฟอย่างเท้จริง เรียกได้ว่าเอสเพรสโซ่นั้นเป็นตัวตั้งต้นในการชงกาแฟเมนูอื่นๆนั่นเอง

อเมริกาโน (Americano) เป็นการนำกาแฟเอสเปรสโซ่ 1-2 ช็อตมาเติมน้ำร้อนลงไปเพื่อเจือจางความเข้มข้น แต่ยังคงรสชาติและความหอมของเอสเพรสโซ่อยู่ และไม่มีการเติมสิ่งอื่นลงไปอีกไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลหรือนม กาแฟเมนูนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กาแฟดำ (Black Coffee) เป็นเมนูยอดฮิตของคนลดน้ำหนักเลยก็ว่าได้

ลาเต้ (Latte) เป็นการนำกาแฟเอสเปรสโซ่  1/3 ส่วน ผสมกับนมร้อน 2/3 ส่วน อาจจะราดฟองนมด้านบนด้วยก็ได้ ลาเต้นับเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากดื่มง่ายกว่าเมนูอื่นๆ เพราะมีความละมุน รสชาติหอมมัน ไม่เข้ม จุดเด่นคือมักจะมีการเทฟองนมให้เป็นลวดลายที่สวยงามก่อนเสิร์ฟ เพื่อเพิ่มสีสันให้กาแฟมากขึ้น หรือที่เรียกกันว่า “Latte Art”  

คาปูชิโน (Cappuccino) เป็นการนำกาแฟเอสเปรสโซ่ ผสมกับนมร้อนผ่านไอน้ำ (นมสตรีม ) และนมตีโฟมราดอยู่ด้านบน ในสัดส่วนเท่าๆกัน  คืออย่างละ 1/3 ส่วน ปิดท้ายด้วยการโรยด้วยผงโกโก้หรือซินนามอนไว้บนสุด เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมมากรองจากลาเต้ เพราะฟองนมนุ่มๆ และรสชาติที่ละมุน ดื่มง่ายคล้ายลาเต้แต่เข้มกว่า

มอคค่า (Mocha) เป็นการนำกาแฟเอสเพรสโซ่ 1/3 ส่วน ผสมกับนมร้อน 2/3 ส่วน และช็อคโกแลต อาจเติมวิปปิ้งครีมด้วยหรือไม่ก็ได้ เป็นกาแฟที่มีลักษณะคล้ายกับลาเต้ แต่มีจุดเด่นคือ มีส่วนผสมของช็อคโกแลต จึงทำให้รสชาติโดดเด่น เหมาะกับคนที่ชื่นชอบช็อคโกแลต แต่ต้องการคาเฟอีนที่มากกว่าและมีรสชาติที่เข้มกว่า

มัคคิอาโต้ (Macchiato) เป็นการนำกาแฟเอสเปรสโซ่ ผสมกับนมในสัดส่วนที่ไม่มาก นอกจากนี้ยังนิยมใส่ส่วนผสมอื่นๆ เข้าไปด้วย เช่นถ้าใส่คาราเมล ก็จะเรียกว่า คาราเมลมัคคิเอโต้ เป็นเมนูที่ทำให้คอกาแฟได้ดื่มกาแฟในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น

ดอปปิโอ (Doppio) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอสเปรสโซ่ ดับเบิล ช็อต (Espresso Double shot) เป็นการนำกาแฟเอสเปรสโซ่ใส่ลงไป 2 ช็อตแทนที่จะเป็น 1 ช๊อตตามปกติ ซึ่งจะทำให้มีความเข้มมากเป็น 2 เท่า เหมาะสำหรับสายฮาร์ดคอร์ที่ต้องการคาเฟอีนเพื่อเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากคูณ 2 สำหรับคนที่ต้องทำงานต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆ  ประเภทหามรุ่งหามค่ำมักจะคุ้นเคยกับเมนูนี้กันเป็นอย่างดี แต่จะขอเตือนไว้ก่อนว่า เมนูนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับมือใหม่หัดดื่มกาแฟ เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการตาค้าง ถึงกับนอนไม่หลับกันได้นะเออ

            นอกจากเมนูทั้งหมดที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ร้านกาแฟน้อยใหญ่ต่างมีการคิดค้นเมนูกาแฟอื่นๆ ขึ้นอีกมากมายเพื่อสร้างเอกลักษณ์และเพิ่มจุดขายให้กับร้านของตัวเอง นักดื่มก็สามารถเลือกแวะชม ชิม หรือช๊อปกลับไปฝากเพื่อนฝากญาติกันได้กันตามใจปรารถนา ยังไงแล้วล่ะก็อย่าดื่มเพลินจนลืมเรื่องแคลลอรี่จากนม ครีม และน้ำตาลกันด้วยนะจ๊ะ

 

นานาสาระ ล่าสุด
โรงเรียนวัดบางกระ
โรงเรียนวัดบางกระ
โรงเรียนวัดบางกระ
โรงเรียนวัดบางกระ